วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กองทุนรวม


มาทำความรู้จักกับกองทุนรวมกันเถอะ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนรวมกำลังเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนที่สนใจการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น  ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมก็คือ ผู้ลงทุนไม่ต้องใช้เวลาติดตามข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนมากเท่ากับการลงทุนในหลักทรัพย์นั้น ๆ ด้วยตัวเอง เพราะเงินที่ถูกใส่เข้าไปในกองทุนรวมจะถูกนำไปบริหารโดยมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุน  

ในปัจจุบัน กองทุนรวมมีอยู่มากมายหลากหลายประเภทตามนโยบายการลงทุนประเภทต่าง ๆ อย่าลืมว่ากองทุนรวมแต่ละประเภทมีลักษณะเด่นไม่เหมือนกัน  ดังนั้น คุณควรสนใจหาความรู้เกี่ยวกับกองทุนรวมกันอีกสักนิด...คุณจะได้พบกองทุนรวมที่เหมาะสมกับตัวคุณเองได้

รู้จักกันหน่อยว่ากองทุนรวมคืออะไร
กองทุนรวมคือกองทรัพย์สินที่มาจากเงินของผู้ลงทุนตั้งแต่ 35 รายขึ้นไป* รวมกันจนมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนตามนโยบายการลงทุนที่ระบุไว้ให้ทราบในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนกันตั้งแต่ก่อนลงทุน
กองทุนรวมจะถูกบริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ
บลจ. ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม โดยคุณสามารถวางใจได้ว่า บลจ.นั้นได้ผ่านการพิจารณาจาก ก.ล.ต. ทั้งในด้านความพร้อมของระบบงานในการประกอบธุรกิจและด้านบุคลากรว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการกองทุนรวม
เนื่องจากกองทุนรวมเป็นกองทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาก ดังนั้น เพื่อให้มีกลไกในการปกป้องกองทรัพย์สินดังกล่าวและเกิดความชัดเจนในการบริหารจัดการเงินของ บลจ. จึงมีการนำทรัพย์สินทั้งหมดของกองทุนรวมไปฝากไว้กับผู้รับฝากทรัพย์สิน ซึ่งจะทำหน้าที่เก็บรักษาและดูแลการเบิกจ่ายเงินและทรัพย์สินต่างๆ ให้กับกองทุนรวม นอกจากนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเงินลงทุนของคุณจะได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการแต่งตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์ ซึ่งทำหน้าที่ในการดูแลให้ บลจ.บริหารจัดการเงินลงทุนของคุณให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
และโดยที่กองทุนรวมไม่ใช่หน่วยภาษีตามประมวลรัษฎากร ดังนั้นผลประโยชน์ที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุน จึงไม่ต้องนำมาเสียภาษี อย่างไรก็ดี สำหรับผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการลงทุนในกองทุนรวม เช่น เงินปันผลจากกองทุนรวม จะต้องนำมาเสียภาษีด้วย คุณสามารถทำความเข้าใจเรื่องภาษีก่อนลงทุนในกองทุนรวมได้ที่ ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในกองทุนรวม


*ยกเว้นกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนประเภทสถาบันมีมูลค่า 50 ล้านบาทและมีผู้ลงทุน 10 รายขึ้นไป และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่า 500 ล้านบาทและมีผู้ลงทุน 250 รายขึ้นไป

                                         แผนภาพกองทุนรวม



ซื้อกองทุนรวมต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร
ในปัจจุบันกองทุนรวมมีให้เลือกมากกว่า 700 กอง ทั้งที่มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันและใกล้เคียงกัน  ดังนั้น ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งในการพิจารณาเลือกกองทุนรวมก็คือ การเปรียบเทียบอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองทุนรวม
ลองมาดูกันดีกว่าว่าค่าใช้จ่ายที่ว่านั้นมีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร โดยขอแยกเป็น 2 แบบ ดังนี้
แบบแรกคือ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บโดยตรงจากผู้ลงทุน เช่น ค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน (front-end fee) และ ค่าธรรมเนียมการขายคืนหน่วยลงทุน (back-end fee) เป็นต้น
แบบที่ 2 คือ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ (management fee)  ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ (trustee fee) เป็นต้น
คุณสามารถพิจารณาค่าใช้จ่ายของกองทุนรวมแต่ละกอง จากหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน ซึ่งได้จัดทำในรูปแบบตารางแสดงค่าใช้จ่ายของกองทุนรวมเพื่อให้คุณเข้าใจได้โดยง่ายและยังสามารถนำไปเปรียบเทียบกับตารางค่าใช้จ่ายของกองทุนรวมอื่นได้อีกด้วย

การลงทุนของกองทุนรวม
โดยทั่วไปผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้พิจารณานำเงินของกองทุนไปลงทุนตามนโยบายการลงทุนที่ได้เปิดเผยไว้ในหนังสือชี้ชวน เพื่อให้เกิดดอกออกผล โดยการลงทุนอาจมีความแตกต่างกันออกไปทั้งอัตราผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงจากการลงทุน  แต่อย่างน้อยคุณควรรู้ว่า กองทุนรวมตราสารทุนจะเน้นนำเงินส่วนใหญ่ไปซื้อหุ้น ในขณะที่กองทุนรวมตราสารหนี้จะนำเงินลงทุนไปซื้อพันธบัตร หรือหุ้นกู้  หรือถ้าเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ก็จะเป็นการนำเงินไปซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำมาบริหาร เป็นต้น

กองทุนรวมมีกี่ประเภท  
เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจกองทุนรวมที่มีอยู่ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ขอแบ่งกองทุนรวมที่มีการเสนอขายกันอยู่ในปัจจุบันออกเป็น 3 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 แบ่งตามการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
คุณจะพบว่า มีกองทุนรวมแบบปิด และแบบเปิด

กองทุนปิด (close-ended fund)
กองทุนแบบปิดคือ กองทุนรวมที่ไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ ซึ่งเป็นผลให้ผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมแบบปิดจะต้องถือหน่วยลงทุนไว้จนครบอายุกองทุนรวม โดยจะไม่สามารถขายคืนให้กับ บลจ. ก่อนครบอายุกองทุนรวมได้  และตลอดอายุของกองทุนรวมประเภทนี้ จำนวนหน่วยลงทุนของกองทุนปิดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ยกเว้นมูลค่าหน่วยลงทุนซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินที่กองทุนไปลงทุน)  ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมแบบปิด คุณควรต้องพิจารณาเรื่องความต้องการใช้เงินในอนาคตของคุณด้วย  

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน มี บลจ. หลายแห่งหาวิธีการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหน่วยลงทุนด้วยการนำหน่วยลงทุนของกองทุนปิดไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรืออาจใช้วิธีการแต่งตั้งสถาบันการเงินเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขายและรับซื้อหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยลงทุน (market maker)  ซึ่งทั้งสองวิธีจะเป็นช่องทางให้ผู้ถือหน่วยของกองทุนรวมแบบปิดสามารถนำหน่วยลงทุนไปขายได้ โดยไม่ต้องถือไว้จนครบอายุกองทุน  หากคุณสนใจกองทุนรวมแบบปิดแล้ว อย่าลืมดูข้อมูลในส่วนนี้ให้ดีด้วย

กองทุนเปิด (open-ended fund)
กองทุนรวมแบบเปิดคือ กองทุนรวมที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ  ดังนั้น หากคุณซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมแบบเปิดมาได้ระยะหนึ่ง แล้วเห็นว่ามูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มสูงขึ้นจากมูลค่าที่คุณซื้อมา คุณก็สามารถนำหน่วยลงทุนนั้นไปขายคืนให้กับ บลจ. ได้ ตามวันเวลาที่ บลจ. กำหนด (ดูได้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน)  หรือในกรณีตรงกันข้าม หากวันใดคุณเห็นว่ากองทุนรวมแบบเปิดที่มีอยู่แล้วมีความน่าสนใจ คุณก็สามารถติดต่อขอซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมนั้นได้ 

ประเภทที่ 2 แบ่งตามลักษณะของผู้ถือหน่วยลงทุน
ถ้ามองตามลักษณะของผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทกล่าวคือ กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป และกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนสถาบัน

กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (retail fund) หมายถึง กองทุนรวมที่มีผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็น
ผู้ลงทุนทั่วไปทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล กองทุนรวมประเภทนี้จะมีการเสนอขายในวงกว้าง รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์การขายหน่วยลงทุนอย่างกว้างขวางเพื่อกระจายข้อมูลการเสนอขายหน่วยลงทุนอย่างแพร่หลาย เช่น ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ทั่วไป เป็นต้น

กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนประเภทสถาบัน (non-retail fund) หมายถึง กองทุนรวมที่มีผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็นผู้ลงทุนประเภทสถาบัน เช่น ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น โดยไม่มีผู้ลงทุนทั่วไปหรือผู้ลงทุนรายย่อยถือหน่วยลงทุนอยู่เลย  ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นผู้ลงทุนที่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดทุน และสามารถดูแลตนเองได้  ภาครัฐจึงมีการผ่อนผันเกณฑ์การกำกับดูแลกองทุนรวมประเภทนี้ในบางเรื่อง เช่น จำนวนผู้ถือหน่วยลงทุนขั้นต่ำในการจัดตั้งกองทุนรวม และไม่จำกัดสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนแต่ละราย เป็นต้น

ประเภทที่ 3 แบ่งตามนโยบายการลงทุนและประเภททรัพย์สินที่กองทุนรวมลงทุน
การแบ่งประเภทกองทุนรวมแบบนี้ จะเจาะลึกกันไปที่นโยบายการลงทุนและทรัพย์สินที่กองทุนจะไปลงทุน โดยจะพบว่าแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ กองทุนรวมทั่วไป และกองทุนรวมพิเศษ

I. กองทุนรวมทั่วไป (general fund)
เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุน และ/หรือตราสารแห่งหนี้เป็นหลัก ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
กองทุนรวมตราสารแห่งทุน กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ และกองทุนรวมผสม

II. กองทุนรวมพิเศษ (special fund)
เป็นกองทุนรวมที่มีลักษณะเฉพาะตัวตามนโยบายและประเภทหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุน โดยคุณจะพบว่ากองทุนรวมพิเศษแบ่งออกได้เป็นกองทุนรวมแบบต่าง ๆ อีกมากมายหลายประเภท ได้แก่ กองทุนรวมหน่วยลงทุน กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมมีประกัน กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น กองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน กองทุนรวมดัชนี กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนในต่างประเทศ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว กองทุนรวมอีทีเอฟ  กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 2) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 3) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง 4) ฯลฯ

กองทุนรวมที่เสนอขายเป็นอย่างไร
เป็นที่ทราบแล้วว่ากองทุนรวมมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลักข้างต้น แต่ในความเป็นจริงสำหรับกองทุนรวมที่มีการเสนอขายทั่วไป มักจะมีการผสมผสานลักษณะของกองทุนรวมทั้ง 3 ประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างดังนี้
- กองทุนเปิดตราสารทุนที่เสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป
เป็นการรวมกันของ 1. กองทุนเปิด 2. กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป 3. กองทุนรวมทั่วไป
- กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1)
เป็นการรวมกันของ 1. กองทุนปิด 2. กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป 3. กองทุนรวมพิเศษ
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว
เป็นการรวมกันของ 1. กองทุนปิด 2. กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป 3. กองทุนรวมพิเศษ

หลังจากที่คุณได้ทำความรู้จักกับกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ แล้ว ก่อนคุณจะตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมประเภทใด คุณควรจะศึกษาข้อมูลของกองทุนนั้นจากรายละเอียดโครงการและหนังสือชี้ชวนกองทุนก่อน เพื่อเป็นการสร้างแนวป้องกันให้กับตนเอง



วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

ฉันทำเพื่อเธอนะ...





กว่าจะได้เธอ.....


ศิลปแห่งใส้....เขาสุดยอดจริง ๆ

โคตะระเก่งเลย
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00faq8ppDescription: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fb3xqrDescription: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fagq4e


Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fah4yw
:
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fakb7g
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fap2s6

Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fare4s
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fas2rc
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fatd17
Description:

 http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fawkxd
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00faxe1b
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00faybd8
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fazp0e
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fb0wat
Description:

 http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fb1xyd
Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fb29sd

Description: http://pics.livejournal.com/ibigdan/pic/00fb4he9

สายรถเมล์ ขสมก.

ขสม ก.ปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่ การเดินรถทั่วกรุง 155 เส้นทาง ล่าสุดให้ประชาชนจำด้วยการเอาเลขใหม่ติดอยู่บนรถสายเก่า เพื่อเป็นการเตรียมพร้อม คาดใช้ได้จริงภายใน 3 เดือน หลังรับรถ 4,000 คันเรียบร้อยแล้ว  
นาย นเรศ บุญเปี่ยม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถองค์การ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยกับทีมงานคุณภาพชีวิตว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนสายการ เดินรถใหม่ จึงนำเอาหมายเลขรถเมล์ใหม่ไปติดไว้ที่ด้านหน้ารถเก่า โดยปัจจุบัน ขสมก.มีการเดินรถอยู่ทั้งหมด 108 เส้นทาง แต่อนาคตอันใกล้นี้จะมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 155 เส้นทาง เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้แก่ประชาชนมากขึ้น 
 
ก่อน หน้าที่จะมีการปรับเปลี่ยนเส้น ทางใหม่นั้น ขสมก.ได้ร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง สนข. และกรมการขนส่งทางบกเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนั้นก็ยังได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อนด้วย ซึ่งทำอยู่หลายครั้ง เพื่อหาข้อสรุปที่ดีที่สุด และหลังทุกฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกัน จึงมีมติปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่เกิดขึ้น
 
โดย เส้นทางใหม่นี้ เป็นเส้นทางที่เพิ่มขึ้นใหม่ และไม่เคยมีมาก่อน 27 เส้นทาง เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ประชาชน ในย่านปริมณฑลได้ใช้บริการได้ง่ายเพิ่มขึ้น ส่วนที่เหลืออีก 128 เส้นทาง เป็นเส้นทางเก่าที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ 155 เส้นทาง จะเปลี่ยนหมายเลขรถใหม่ทั้งหมด
 
ล่า สุดมีการเอาหมายเลขเลขรถใหม่ที่จะเปลี่ยนมาแปะไว้ที่รถที่เดิน สายอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการ เตรียมความพร้อมก่อนใช้จริง คาดว่าไม่เกิน 3 เดือนนี้ เพราะต้องรอให้เรื่องรถ 4,000 คัน ผ่านการอนุมัติจาก ครม.เสียก่อน จึงจะสามารถขอใบอนุญาตการเดินรถจากกรมการขนส่งทางบกได้
 
หมายเลขรถเมล์สายปัจจุบัน และกำลังจะเปลี่ยนใหม่ ประกอบด้วย
สาย 1 ท่าเตียน-ถนนตก เปลี่ยนเป็นสาย 601
สาย 5 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-จักรวรรดิ เปลี่ยนเป็นสาย 603
สาย 8 ถนนนิมิตรใหม่-สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า เปลี่ยนเป็นสาย 606 และตัดระยะทางเหลือถนนนิมิตรใหม่-เซ็นทรัลลาดพร้าว
สาย 9 อู่กัลปพฤกษ์-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ เปลี่ยนเป็นสาย 609 และตัดระยะทางเหลือ อู่กัลปพฤกษ์-สถานีรถไฟบางซื่อ
สาย 10 ท่าน้ำภาษีเจริญ-นางเลิ้ง เปลี่ยนเป็นสาย 610
สาย 12 ห้วยขวาง-ปากคลองตลาด เปลี่ยนเป็นสาย 611
สาย 14 ศรีย่าน-โรงเรียนนนทรีวิทยา เปลี่ยนเป็นสาย 612 

สาย 15 เดอะมอลล์ท่าพระ-สีลม-บางลำพู เปลี่ยนเป็นสาย 613 และตัดระยะเหลือ เดอะมอลล์ท่าพระ-สีลม
สาย 18 ท่าอิฐ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 614 
สาย 18 ทางด่วน ท่าอิฐ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 658
สาย 19 วงกลมสถานีรถไฟบางกอกน้อย-บางลำพู เปลี่ยนเป็นสาย 615 วงกลมสถานีรถไฟบางกอกน้อย-อรุณอัมรินทร์
สาย 20 ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าน้ำท่าดินแดง เปลี่ยนเป็นสาย 616 และเพิ่มเป็นสาย 617 ท่าน้ำท่าดินแดง-ท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์

สาย 21 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-วัดคู่สร้าง เปลี่ยนเป็นสาย 618
สาย 23 สำโรง-สี่เสาเทเวศร์ (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 619 สี่เสาเทเวศร์-สำโรง (เอกมัย) และสาย 620 สี่เสาเทเวศร์-สำโรง (ทางด่วน)
สาย 24 ประชานิเวศน์ 3-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 621 สาย 24 ประชานิเวศน์ 3-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางด่วน เปลี่ยนเป็นสาย 622
สาย 25 อู่สายลวด-ท่าช้าง เปลี่ยนเป็นสาย 624 ขึ้นทางด่วน
สาย 26 มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 625 และตัดระยะทางเหลือ มีนบุรี-อู่บางเขน

สาย 29 มธ.ศูนย์รังสิต-หัวลำโพง เปลี่ยนเป็นสาย 644 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-สถานีรถไฟหัวลำโพง
สาย 32 ปากเกร็ด-วัดพระเชตุพนฯ เปลี่ยนเป็นสาย 631
สาย 34 รังสิต-พหลโยธิน-หัวลำโพง เปลี่ยนเป็นสาย 633 สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-รังสิต
สาย 36 อู่โพธิ์แก้ว-สี่พระยา เปลี่ยนเป็นสาย 635 และตัดระยะทางเป็น ห้วยขวาง-ท่าน้ำสี่พระยา
สาย 37 มหานาค-แจงร้อน เปลี่ยนเป็นสาย 636
สาย 39 มธ.ศูนย์รังสิต-สนามหลวง เปลี่ยนเป็นสาย 627 และตัดระยะทางเป็น สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-มธ.ศูนย์รังสิต พร้อมเพิ่มเป็นสาย 628 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-สถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง

สาย 42 วงกลมท่าพระ-เสาชิงช้า เปลี่ยนเป็นสาย 638
สาย 43 โรงเรียนศึกษานารี 2-เทเวศร์ เปลี่ยนเป็นสาย 668 และตัดระยะเป็นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า-โรงเรียนศึกษานารี 2
สาย 44 ตลาดแฮปปี้แลนด์-ท่าเตียน เปลี่ยนเป็นสาย 640
สาย 45 สำโรง-ท่าน้ำสี่พระยา เปลี่ยนเป็นสาย 641 และเพิ่มเป็นสาย 642 ขึ้นทางด่วน
สาย 48 วิทยาเขตรามคำแหง-วัดพระเชตุพน เปลี่ยนเป็นสาย 643
สาย 53 วงกลมเทเวศร์ เปลี่ยนเป็นสาย 648
สาย 56 วงกลมสะพาน กรุงธน เปลี่ยนเป็นสาย 650
สาย 57 วงกลมธนบุรี เปลี่ยนเป็นสาย 651
สาย 60 อู่สวนสยาม-ปากคลองตลาด เปลี่ยนเป็นสาย 652 ขึ้นทางด่วน
สาย 62 สาธุประดิษฐ์-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 653
สาย 63 อ.ต.ก.3-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 630 และตัดระยะทางเป็น สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-นนทบุรี

สาย 64 วงกลมสนามหลวง-รัตนาธิเบศร์ เปลี่ยนเป็นสาย 655 และตัดระยะเป็น วงกลมสนามหลวง-นครอินทร์ พร้อมเพิ่มเป็นสาย 721 สนามหลวง-ท่าน้ำนนทบุรี
สาย 67 วัดเสมียนนารี-เซ็นทรัลพระราม 3 เปลี่ยนเป็นสาย 656
สาย 68 บางลำพู-สมุทรสาคร เปลี่ยนเป็นสาย 657
สาย 69 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-รัตนาธิเบศร์-ท่าอิฐ เปลี่ยนเป็นสาย 654 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-กองสลากสนามบินน้ำ
สาย 70 สนามหลวง-ประชานิเวศน์ 3 เปลี่ยนเป็นสาย 660 และเพิ่มสาย 661 ประชานิเวศน์ 3-สถานีรถไฟบางซื่อ

สาย 72 สี่เสาเทเวศร์-ท่าเรือคลองเตย เปลี่ยนเป็นสาย 662
สาย 73 อู่โพธิ์แก้ว-สะพานพุทธ เปลี่ยนเป็นสาย 663 ขึ้นทางด่วน
สาย 75 วัดพุทธบูชา-หัวลำโพง เปลี่ยนเป็นสาย 664
สาย 79 อู่บางแค (วัดม่วง)- ราชประสงค์ เปลี่ยนเป็นสาย 666 อู่พุทธมณฑลสาย 2-ราชประสงค์
สาย 81 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า-พุทธมณฑลสาย 5 เปลี่ยนเป็น สาย 667
สาย 82 พระประแดง-บางลำพู เปลี่ยนเป็นสาย 669
สาย 85 วัดแจงร้อน-หัวลำโพง เปลี่ยนเป็นสาย 670
สาย 88 วัดคลองสวน-ลาดหญ้า เปลี่ยนเป็นสาย 671 อาคารสงเคราะห์ กทม. (ทุ่งครุ)-ลาดหญ้า
สาย 90 ท่าน้ำบางพูน-ย่านสินค้าพหลโยธิน เปลี่ยนเป็นสาย 647 ตัดระยะทางเป็น สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-ปทุมธานี

สาย 92 การเคหะชุมชนร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 607 และตัดระยะทางเป็น การเคหะชุมชนร่มเกล้า-เซ็นทรัลลาดพร้าว
สาย 93 หมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง-สี่พระยา เปลี่ยนเป็นสาย 675
สาย 95 รังสิต-ม.รามคำแหง เปลี่ยนเป็นสาย 676 และตัดระยะเป็น แฮปปี้แลนด์-รังสิต
สาย 96 สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต เปลี่ยนเป็นสาย 712 และเพิ่มระยะทางเป็น สวนสยาม-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
สาย 97 กระทรวงสาธารณสุข-โรงพยาบาลสงฆ์ เปลี่ยนเป็นสาย 678 และตัดระยะทางเป็น โรงพยาบาลสงฆ์-ท่าน้ำนนทบุรี

สาย 102 ปากน้ำ-อู่สาธุประดิษฐ์ (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 679
สาย 104 ปากเกร็ด-ถนนติวานนท์-สถานีขนส่งผู้ โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) เปลี่ยนเป็นสาย 680
สาย 105 คลองสาน-ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ เปลี่ยนเป็นสาย 604 สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่-มหาชัยเมืองใหม่
สาย 111 วงกลมตลาดพลู-บุคคโล เปลี่ยนเป็นสาย 683
สาย 113 มีนบุรี-หัวลำโพง เปลี่ยนเป็นสาย 682 หัวลำโพง-คลองกุ่ม สาย
116 วัดหนามแดง-สาทร เปลี่ยนเป็นสาย 686

สาย 166 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-เมืองทองธานี (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 711
สาย 117 กทม.2-อ.ต.ก.3 เปลี่ยนเป็นสาย 687 กทม.2-ท่าน้ำนนทบุรี
สาย 120 คลองสาน-ถนนเอกชัย-สมุทรสาคร เปลี่ยนเป็นสาย 639 วงเวียนใหญ่-สมุทรสาคร และเพิ่มสาย 681 สะพานตากสิน-มหาชัยเมืองใหม่
สาย 123 ท่าราชวรดิฐ-พุทธมณฑลสาย 2-อ้อมใหญ่ เปลี่ยนเป็นสาย 688
สาย 124 สนามหลวง-สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล เปลี่ยนเป็นสาย 689 สนามหลวง-สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตศาลายา และเพิ่มเป็นสาย 690 สนามหลวง-โรงเรียนกาญจนาภิเษก นครปฐม
สาย 129 บางเขน-สำโรง (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 691

สาย 131 อู่คลองกุ่ม-หนองจอก เปลี่ยนเป็นสาย 692 และเพิ่มเป็นสาย 693 คลองกุ่ม-สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 4
สาย 134 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-หมู่บ้านบัวทองเคหะ เปลี่ยนเป็นสาย 694
สาย 136 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-ท่าเรือคลองเตย เปลี่ยนเป็นสาย 696
สาย 137 วงกลมรามคำแหง-ถนนรัชดาภิเษก เปลี่ยนเป็นสาย 697
สาย 138 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-ท่าน้ำพระประแดง (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 699 และเพิ่มสาย 698 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-อู่พระประแดง (ทางด่วน)

สาย 139 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-วิทยาเขตรามคำแหง (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 637
สาย 140 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 700
สาย 141 จุฬา-แสมดำ (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 665 แสมดำ-สวนลุมพินี และเพิ่มสาย 709 ท่าเรือคลองเตย-จุฬา
สาย 142 เคหะชุมชนธนบุรี-สมุทรปราการ (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 701
สาย 145 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-สมุทรปราการ เปลี่ยนเป็นสาย 703 และตัดระยะทางเป็น แฮปปี้แลนด์-สมุทรปราการ

สาย 146 วงกลมบางแค-ถนนกาญจนาภิเษก เปลี่ยนเป็นสาย 704 และเพิ่มสาย 710 วงกลมอรุณอัมรินทร์-ถนนกาญจนาภิเษก
สาย 150 ปากเกร็ด-มหาวิทยาลัยรามคำแหง เปลี่ยนเป็นสาย 705 มีนบุรี-ปากเกร็ด
สาย 154 เคหะชุมชนออเงิน-เคหะชุมชนวัชร พล-คลองเตย เปลี่ยนเป็นสาย 706 ท่าเรือคลองเตย-สำนักงานเขตสายไหม
สาย 156 วงกลม โรงเรียนสตรีวิทยา 2-ถนนนวมินทร์ เปลี่ยนเป็นสาย 708
สาย 168 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ถนนพระราม 9-สวนสยาม เปลี่ยนเป็นสาย 729 ตัดระยะทางเป็น มีนบุรี-อสมท.

สาย 169 วงกลมบางขุนเทียน-ปิ่นเกล้า-วงเวียน ใหญ่ เปลี่ยนเป็นสาย 713
สาย 175 ท่าน้ำภาษีเจริญ-อ.ต.ก.3 เปลี่ยนเป็นสาย 714
สาย 178 วงกลมสุคนธสวัสดิ์-เกษตรนวมินทร์ เปลี่ยนเป็นสาย 715
สาย 179 อู่พระราม 9 -สะพานพระราม 7 เปลี่ยนเป็นสาย 716
สาย 183 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-พุทธมณฑลสาย 2 -อ้อมใหญ่ เปลี่ยนเป็นสาย 605 ตัดระยะทางเหลือ พุทธมณฑลสาย 2-วงเวียนใหญ่
สาย 187 หมู่บ้านเอื้ออาทรคลอง 3 -ท่าน้ำสี่พระยา เปลี่ยนเป็นสาย 717 ตัดระยะทางเป็น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-หมู่บ้านเอื้ออาทรคลอง 3

สาย 191 อู่โพธิ์แก้ว-กระทรวงพาณิชย์ เปลี่ยนเป็นสาย 719
สาย 193 วงกลมถนนกัลปพฤกษ์-ถนนพระราม 2 เปลี่ยนเป็นสาย 720
สาย 204 กทม.2-ท่าน้ำราชวงศ์ เปลี่ยนเป็นสาย 649 วงกลมท่าน้ำราชวงศ์-อาคารสงเคราะห์ห้วยขวาง
สาย 205 คลองเตย-ถนนรัชดาภิเษกตอนล่าง เปลี่ยนเป็นสาย 722
สาย 206 ม.เกษตรศาสตร์-ประเวศ เปลี่ยนเป็นสาย 723 ม.เกษตรศาสตร์-อู่ศรีนครินทร์
สาย 207 ม.รามคำแหง-วิทยาเขตรามคำแหง เปลี่ยนเป็นสาย 724

สาย 505 ปากเกร็ด-สวนลุมพินี เปลี่ยนเป็นสาย 726
สาย 509 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-อู่บางแค เปลี่ยนเป็นสาย 727 อู่บางแค-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
สาย 510 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ตลาดไท เปลี่ยนเป็นสาย 629 ตัดระยะทางเป็น สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-ตลาดไท
สาย 511 ปากน้ำ-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (ตลิ่งชัน)เปลี่ยนเป็นสาย 728
สาย 513 สำโรง-รังสิต เปลี่ยนเป็นสาย 736 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ปากน้ำ (ทางด่วน)
สาย 514 มีนบุรี-ถนนรัชดาภิเษก-สีลม เปลี่ยนเป็นสาย 730 มีนบุรี-สีลม (ทางด่วน)

สาย 515 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-หมู่บ้านเอื้อ อาทร-ศาลายา เปลี่ยนเป็นสาย 731
สาย 516 เทเวศร์-หมู่บ้านบัวทองเคหะ เปลี่ยนเป็นสาย 732
สาย 517 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)-ลาดกระบัง  เปลี่ยนเป็นสาย 733 พระจอมเกล้าลาดกระบัง-อู่พระราม 9
สาย 522 รังสิต-งามวงศ์วาน-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 734
สาย 528 อ.ไทรน้อย-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นสาย 735 สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต-อ.ไทรน้อย
สาย 523 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ม.เทคโนโลยี ราชมงคล คลอง 6 เปลี่ยนเป็นสาย 738 ถนนศรีอยุธยา-ม.เทคโนโลยีราชมงคล คลอง 6

สาย 537 ศรีอยุธยา-บางพลี เปลี่ยนเป็นสาย 737 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-บางพลี
สาย 543 บางเขน-ลำลูกกาคลอง 9 เปลี่ยนเป็นสาย 740
สาย 549 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-มีนบุรี เปลี่ยนเป็นสาย 742
สาย 550 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-แฮปปี้แลนด์ เปลี่ยนเป็นสาย 743
สาย 551 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สยามพารากอน (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 744
สาย 552 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-คลองเตย เปลี่ยนเป็นสาย 745
สาย 553 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สมุทรปราการ เปลี่ยนเป็นสาย 747 และเพิ่มสาย 746 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ปากน้ำ

สาย 554 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-รังสิต (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 749
สาย 555 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ท่าอากา ศยานกรุงเทพ (ทางด่วน) เปลี่ยนเป็นสาย 748
สาย 558 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-สะพานพระราม 9 -เซ็นทรัลพระราม 2 เปลี่ยนเป็นสาย 750

 
ส่วน เส้นทางใหม่อีก 27 เส้นทาง จะเริ่มวิ่งให้บริการหลังจากได้รถเมล์ใหม่ 4,000 คัน พร้อมกับการเปลี่ยนหมาย เลขสายรถเมล์เก่าทั้งหมดเป็นเลขหมายใหม่ และออกวิ่งให้บริการพร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ คาดว่าจะเริ่มต้นอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาย กับ หลาน (ข้างบ้าน)

ยาย กับ หลาน (ข้างบ้าน)


ยาย กับ หลาน (ข้างบ้าน)


หลาน :      ยาย .. .ยาย 
ยาย :        หา ?
หลาน :      ยายปีนี้ดูแก่มากเลยนะยาย .. .อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ?
 
ยาย :        เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยายอายุ 50 ไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังจะ 50 อยู่หรือเปล่า ไม่ได้นับมานานแล้ว
หลาน :      โห...ยาย ป่านนี้มันไม่เหลือ 9 ขวบแล้วหรอ...แล้วลูกเต้าไม่มีเหรอยายถึงมานั่งคนเดียวเนี่ย
 
ยาย :        มี...
หลาน :      อ้าว...แล้วทำไมเค้าไม่มาด้วยล่ะ
 
ยาย :        มี ลูกชายสองคน คนหนึ่งอยู่ระยอง คนหนึ่งอยู่เชียงใหม่โน่น ไอ้คนหนึ่งมันจะให้ยายไปอยู่เชียงใหม่...อีกคนหนึ่งจะให้ยายไปอยู่ระยอง... ตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้จะไปอยู่กับใคร ?
หลาน :      โอ้โฮ...ยายนี่โชคดีจังเลย ลูกๆแย่งกันเลี้ยง
 
ยาย :        โชคดีกะผีอะไรล่ะ...ก็ไอ้คนที่อยู่ระยอง...มันจะให้ไปอยู่เชียงใหม่   ไอ้คนที่อยู่เชียงใหม่...มันจะให้ไปอยู่ระยอง


หลาน :      เออ...ยาย...อย่าไปคิดมากเลย อายุปูนนี้ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
ยาย :        โอ๊ย...แข็งแรงที่ไหนกัน ตอนนี้กำลังแย่เลย
หลาน :      แย่ที่ไหนยาย...ก็เห็นแข็งแรงดี
 
ยาย :        เดี๋ยวนี้ยายมีอาการแปลกๆ เช่น นั่งๆ อยู่เนี่ย...ถ้าลุกขึ้นปุ๊บ...มันจะยืนทุกทีเลย
หลาน :      เป็นอะไรไม่รู้ลุกแล้วยืนน่ะมันธรรมดานะยาย...ยายเคยเห็นคนล้มทั้งยืนไหมยาย ?
 
ยาย :      ไม่เคย
หลาน :      อยากเห็นไหม ?
ยาย :        อย่าเลย...ยายแก่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นอะไร
หลาน :      อ้าว...เป็นอะไรไปเหรอยาย ?
ยาย :        สงสัยจะแก่ตัวมาก นั่งนานๆ แล้วมันจะมีปัญหา
หลาน :      มันเป็นยังไงหรอยาย ?
ยาย :        อีขาซ้ายนี่มัน...ชา
หลาน :      แล้วขาขวาล่ะยาย ?
ยาย :        กาแฟ
หลาน :      ผมว่ายายต้องรีบไปหาหมอแล้วล่ะ
ยาย :        ทำไมล่ะ ?
หลาน :      ถ้าปล่อยไว้นานๆ มันจะเป็นโอวัลตินนะยาย


ยาย :        อืม...แล้วพอยืนนานๆ นะ...ขาซ้ายมันจะปวด
หลาน :       โอ๊ย...เป็นเรื่องธรรมดายาย อายุมากแล้วนี่มันก็ปวดสิ
ยาย :        ไม่จริงหรอก...ขาข้างขวานี่ก็อายุเท่ากัน...ไม่เห็นมันปวดล่ะ ?

ยาย :        หลานเอ้ย ...
หลาน :      จ้ะยาย ...
ยาย :        คนเราจะประสบความสำเร็จต้องอดทน
หลาน :      จ้ะยาย
ยาย :        หลานเอ้ย ... คนเราจะประสบความสำเร็จต้องอดทน
หลาน :      จ้ะยาย
ยาย :        หลานเอ้ย .. .คนเราจะประสบความสำเร็จต้องอดทน ....
หลาน :      โอ๊ย รู้แล้ว ... พูดซ้ำซากอยู่นั่นแหละรำคาญ
ยาย :        ไอ้หลาน .. .เอ็งนี่ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลย
 


ยาย :        นี่เอ็งเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไหม
หลาน :      เชื่อสิยาย
ยาย :        เขาบอกว่า ... ถ้าเราฆ่าไก่ ... เราจะเกิดเป็นไก่ ถ้าเราฆ่าวัว ... เราจะเกิดเป็นวัว ถ้าเราฆ่านก ... เราจะเกิดเป็นนก
หลาน :      ยาย .. .เห็นทีผมจะต้องฆ่าคนซะแล้วยาย 

หลาน :      เออ .. .ยาย .. .ฉันจะเปิดร้านใหม่ล่ะยาย .. .ยายช่วยไปอุดหนุนฉันหน่อยนะยาย .. .ฉันอยากให้ยายไปอุดหนุนเป็นคนแรกเลย ...
ยาย :        โอ๊ย...ไม่มีปัญหา .. .เรามันคนกันเอง เออ .. .ว่าแต่ .. .แกจะเปิดร้านอะไรล่ะ
หลาน :      ร้านขายโลงศพจ้ะยาย
ยาย :        อ้ายเวร...ปากไม่เป็นมงคล .. .เอ็งจำไว้เลย ข้าจะไม่เหยียบเข้าร้านเอ็งจนวันตาย .. .
หลาน :      ถ้าถึงวันตายแล้วอย่าลืมมาอุดหนุนนะยาย 

ยาย :        นี่ๆ .. .ยายก็มีหลานชายอยู่คนหนึ่ง...กำลังเรียน .. .เป็นเด็กดีเหลือเกิน .. .กตัญญู .. .เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดยาย ... พอยายจะเอาชามไปล้าง ... หลานชายมันเข้ามาห้าม .. .มันบอกว่า " ยาย ... วันนี้เป็นวันเกิดยาย ... ยายอย่าล้างชามเลย ..."
หลาน :      แหม .. .เป็นเด็กดีจริงๆเลยนะหลานยายเนี่ย
ยาย :        เออ ... มันบอกกองเอาไว้ก่อน ... พรุ่งนี้ค่อยล้าง เอ้อ ยายต้องไปแล้วล่ะไอ้หนู
หลาน :      อ้าว...ทำไมล่ะยาย ??
ยาย :        ต้องรีบไปล้างจาน ??

12 ข้อคิด เพื่อชีวิตที่ดีของการทำงาน

  12 ข้อคิด เพื่อชีวิตที่ดีของการทำงาน

      1. มนุษย์สัมพันธ์: ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เพื่อนๆที่ทำงานไม่ชอบ ไม่อยากคุยด้วย หรือ เข้ากับเพื่อนในที่ทำงานไม่ได้เลย คงต้องถึงเวลาพิจารณา และ
ปรับปรุง ทักษะ ด้านสัมพันธ์กันเร่งด่วนแล้วละคะ อย่ามัวแต่หลอกตัวเองว่า เราดีแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเราดีจริงแล้วเราจะไม่มีเพื่อนเอาเลยหรือคะ มนุษย์สัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมากคุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ถ้ามนุษย์สัมพันธ์คุณแย่มากๆ ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และ แน่นอน
คุณเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องติดต่อกับคนอื่นและ ถ้าคนในองค์กรคุณยังไม่สามารถทำได้ดี ก็คงลำบากถ้าจะให้หัวหน้าคุณเห็นว่า คุณจะสามารถทำได้ดีกับคนภายนอกองค์กร เพราะฉะนั้น เรามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆในองค์กรกันก่อนดีกว่านะคะ

      2. ทีม: คุณทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า เคยสังเกตตัวเองไหมคะว่า คุณทำงานเป็นทีมได้ดีแค่ไหน หรือว่า ต้องทำงานคนเดียวถึงจะดี?ในอนาคต
การทำงานจะเน้นบุคคลที่ทำงานเป็นทีมได้ดีมากกว่าคนที่ชอบทำงานคนเดียว คุณทราบหรือไม่ว่า ในขณะนี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกามีคอร์สฝึกสอน
การทำงานเป็นทีมเพื่อรองรับความต้องการตลาด แรงงานในอนาคต ทำไมต้องเน้นเป็นทีมนะหรือคะ? ก็ต่อไปโลกเราก็จะแคบลงเพราะการพัฒนาในด้านต่างๆ
มีมากขึ้นการทำงานก็ต้องเป็นทีมมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้มีทักษะในการทำงานเป็นทีม และ เป็นผู้ร่วมทีมที่ดีจะเป็นข้อจำเป็นในการทำงานทุกที่

      3. Committed: หรือ ข้อตกลงในการทำงานระหว่างคุณกันคนอื่นๆไงคะ นึกไว้เสมอเลยนะคะว่า อะไรที่คุณรับปากกับใครก็แล้วแต่ คุณต้องรับผิดชอบ
และทำให้ได้ ตามที่รับปากถ้าไม่ได้ หรือว่าล่าช้ากว่าที่เรารับปาก คุณต้องแจ้งล่วงหน้าให้แก่บุคคลที่คุณรับปากอย่างน้อยสองหรือสามวัน อันนี้เป็นมารยาท
ทางการทำงานที่ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะรับปากใครในเรื่องของการทำงาน คิดให้รอบคอบก่อนนะคะ

      4. ฉันเป็นฉันเอง: ประเภท สาวมั่น หนุ่มมั่น ที่เราอาจจะเห็นจากทีวี หรือ ภาพยนตร์ ถ้าจะนำมาใช้คุณต้องดูเวลา และ สถานที่ให้ดีก่อนนะคะ ไม่งั้นแทนที่จะช่วยเสริมให้คุณดูดี มี ภาพพจน์ กลับจะทำลายอนาคต ทางการทำงานของคุณไปเลย หลักการที่ดี ก็คือ ดูบุคคลที่เราติดต่อด้วย และ จะมั่นใจอะไร ก็ควรกระทำอย่างพอดี และเราจะเป็นที่ชื่นชมว่าเป็นคนมีมารยาท และประสบ ความสำเร็จในการติดต่อทางธุรกิจในความเป็นจริงการติดต่อธุรกิจ คุณไม่สมควรใช้เหตุผลของสาวมั่นหรือหนุ่มมั่นมาใช้มากกว่าการเป็นคนเรียบ ร้อยมีมารยาท เพราะฉะนั้นข้อนี้ต้องระวังให้ดีนะคะ ใช้ให้ถูกที่ และ ถูกเวลา

      5. ขออยู่เงียบๆคนเดียว: ข้อนี้สำคัญมาก อย่าพยายามทำตัวไม่แคร์ใคร ไม่รู้จักใคร เพราะสุดท้ายคุณจะเวียนไปหัวข้อแรก และ แน่นอน
คุณจะเป็นคนแรกที่ทุกคนลืม อย่าเป็นคนที่เครียดง่าย สนุกยาก ใครๆเข้าหายาก คงจะดีกว่า ถ้าคุณจะทำตัวเป็นคนที่ยิ้มง่าย และ เป็นมิตรกับทุกคน เวลาเศร้า
เก็บไว้กับคนสนิท และรู้ใจดีกว่านะคะ

      6. ธุระส่วนตัว: ธุระทุกประเภทที่เป็นส่วนตัวของคุณ คุณอย่าใช้เวลาทำงานมาทำเป็นอันขาดเชียวนะคะ จำไว้เลยนะคะ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้เฉพาะ
ลูกค้าที่จะโทรติดต่อเรื่องงาน อย่า ให้เบอร์ที่ทำงานกับเพื่อนหรือแฟน แล้วก็คุยกันนอกเรื่องกันเป็นวันๆ รับรองได้ว่า อนาคตทางการงานของคุณคงจะไม่รุ่งแน่นอน เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการทำงานบางท่านถึงกับตั้งกฎไว้กับตัวเองเลยก็มี ว่า ในชั่วโมงการทำงาน เขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ใช่งาน เช่น ไม่อ่านหนังสือพิมพ์
ไม่คุยโทรศัพท์ส่วนตัว ไม่ไปธนาคาร สำหรับธุระส่วนตัวก็จะใช้เวลาที่ไม่ใช่เวลางานเท่านั้น

      7. ความรัก: ไม่ได้เด็ดขาดสำหรับความคิดที่จะมีความรักในที่ทำงานเดียวกัน จริงๆคุณก็ทำได้ แต่รับรองได้ว่า มันจะทำลายอนาคตการทำงานของคุณ
เพราะทุกคนจะมองเหมือนจับผิดว่าคุณใช้เวลาในการทำงาน มาสร้างตำนานรักมากกว่า อย่าเสี่ยงจะดีกว่านะคะ

      8. เป้าหมาย: เป้าหมาย และ เป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้านายของคุณ ถ้าคุณทำงานแบบมีเป้าหมายว่า งานแต่ละอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบ
ของคุณมีแผนการเสร็จเมื่อไหร่ คุณ มีเป้าหมายในการทำงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามที่หัวหน้า หรือ บริษัทตั้งเป้า ถึงคุณจะทำไม่ได้จริง [แต่คุณต้องพยายามเต็มที่แล้วนะ] รับรองได้ว่า หัวหน้าคุณคงมองคุณแบบไม่ธรรมดา และจะเป็นโอกาสที่ดีของคุณในการทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่ระวังอย่าใช้เป้าหมาย
มาพูดและทำไม่เคยได้เลย เพราะจะกลายเป็นการคุยอวดมากกว่า

      9. บุคลิก: สุภาษิต ที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ยังคงใช้ได้ดีเสมอ บุคลิก และ การแต่งกาย เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จะช่วยกำหนดความสำเร็จทางการทำงานของคุณ อย่า พยายามแต่งกายมากเกินไป หรือ น้อยเกินไป และที่สำคัญ อย่าแต่งกาย แบบที่ไม่ใช่คุณ คุณอาจจะเห็นดารา นางแบบ ใส่เสื้อตัวหนึ่งสวย แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะสวยเหมือนนางแบบถ้าคุณเอามาใส่ การแต่งกายที่ดี สำหรับการทำงาน ก็คือ สุภาพ และ โชว์บุคลิกเฉพาะของคุณออกมา
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่า แต่งกายแบบไหนเหมาะกับคุณ ขอแนะนำให้ถามคนที่คุณสนิท และจริงใจกับคุณ คุณก็จะได้แนวการแต่งกายที่เหมาะกับคุณ หรือถ้ามีตังค์
ก็อยากแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ แต่ก็ต้องระวังนะคะ หลายสถาบันสอนบุคลิกภาพ ชอบสอนให้แต่งตัวแบบเหมือนๆกันหมด จนบังความมีเสน่ห์ของคุณไป เลยก็ได้ ดีไม่ดีกลายเป็นหุ่นยนต์รุ่นต่างๆที่เราเห็นก็ทราบทันทีว่าไปเข้าสถาบันสอน บุคลิกภาพที่ไหนมา ทางที่ดีต้องปรึกษาหลายคนๆก่อนตัดสินใจนะคะ

      10. หัวหน้า: หัวหน้าก็คือหัวหน้า อันนี้คุณต้องระวังอย่างมาก อย่าทำตัวสนิทกับหัวหน้า จนคุณเผลอ ทำตัวไม่เคารพ หรือ เผลอเล่นจนเกินงาม
สำหรับหัวหน้า สิ่งที่ดีและ เป็นประโยชน์กับคุณมากที่สุด ก็คือ การให้เกียรติ และ แน่นอน ทุกครั้งที่คุณอยู่กับหัวหน้า หน้าที่หลักของคุณคือ การทำให้หัวหน้า
ของคุณ ดูดี อยู่เสมอในสายตาผู้อื่น จะด้วยคำพูด การกระทำ คุณก็ไม่มีสิทธ์ทำให้หัวหน้าของคุณกลายเป็นตัวตลก เสียหน้า หรือ ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น
โดยเด็ดขาด

      11. นินทา: อย่าได้เผลอตัวไปอยู่ในกลุ่มของการนินทาใดๆในที่ทำงานโดยเด็ดขาด เพราะสุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หรือดีไม่ดี
กลายเป็นผู้เริ่มการนินทา โดยคุณไม่ได้ทำ ถ้าคุณต้องเจอภาวะการณ์คุยแบบไม่ได้ประโยชน์ หรือ การนินทาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางออกที่ดีของคุณก็คือ
อย่าพูดเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย โดยเด็ดขาด คุณทำได้แค่ นั่งฟัง โดยไม่ออกความคิด ให้บอกว่าไม่แน่ใจ หรือ ไม่รู้ หรือขอตัวออกจากวงสนทนา
อ้างว่าไปห้องน้ำหรือมีธุระต้องทำ ที่นี้คุณก็ไม่เสียเพื่อน และ ก็ไม่เสียงานอีกต่างหาก

      12. สร้างสรรค์: หัวใจของความสำเร็จทางการทำงาน คือ ความคิดสร้างสรรค์ อย่าพยายามเป็นคน ใครว่าอะไร ฉันก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง
คุณไม่จำเป็นต้องเถียง หรือ โต้แย้ง ถ้าคุณยังไม่มีข้อมูล หรือ ยังไม่กล้าพูด แต่ คุณต้องพยายามฝึกสมองของคุณให้คิดในแบบของคุณอยู่เสมอ ทุกการทำงาน
ของคุณ คุณต้องพยายามคิดว่า คุณจะทำอะไรเพิ่มเติมให้งานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ดีขึ้น สะดวกขึ้นกว่าเดิมได้ไหม หลักของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ง่ายๆ
ก็คือ กล้าคิด คิดให้บ่อย คิดให้มาก และคุณก็จะเป็นคนคิดสร้างสรรค์

        ทั้ง หมด 12 ข้อ เป็นสิ่งที่เราจะต้องระลึกอยู่เสมอในการทำงาน เพื่อส่งเสริมการทำงานของเราให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ที่นี้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่า
นอกจากเราจะเก่งงานที่รับผิดชอบ เรายังเก่งในการเป็นเพื่อน และ ผู้ทำงานที่ดีขององค์กรด้วย

          เป็นบทความที่ดีมากอีกบทความหนึ่ง ก็ขอฝากไว้ให้กับคนทำงานทุกคน แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทำงาน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นะคะ

สร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้างความคิดที่ดี ชีวิตการทำงานก็จะเป็นสุข